ตอนนี้ผมจะได้กล่าวถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติในการออกแบบ Database ซึ่งส่วนใหญ่จะหนักไปทาง data storage โดยพอจะสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ครับ
1) ใช้ Normalization เพื่อ Optimize Transactional Process
การทำ Normalization นั้น จะช่วยในมุมการใช้คำสั่ง Insert, Update, Delete ครับ ทำให้เกิด Performance ที่ดีครับ แต่จะมีผลตรงกันข้ามกับคำสั่ง Select เพราะว่าใน Database หลายๆ ตัวที่ผมเคยเจออาจจะพบว่า Query เร็ว แต่ Insert ช้าก็ได้ครับ
2) แยกไฟล์ MDF และ LDF ไว้กันคนละ physical disk
โดยคำสั่ง Insert, Update, Delete จะกระทำกับไฟล์ LDF เป็นหลัก ทั้งนี้ในงาน multi-user ขนาดใหญ่แล้วจะเกิด load read-write อยู่บน physical disk ก้อนเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะแยกไฟล์ MDF และ LDF ไว้คนละ physical disk ก็จะทำให้เกิดการแบ่ง load read-write ไปไว้คนละ physical disk (ผมเคยทำมาหลายงานแล้ว เร็วขึ้นมา 10 เท่าก็เคยเจอครับ)
3) แยก tempdb ไว้บน harddisk ก้อนใหม่
หลักการจะเหมือนกับการแยกไฟล์ MDF และ LDF ครับ คือการแยก load แต่ tempdb จะเป็น temp สำหรับ database ทุกก้อนที่อยู่ใน Server ครับ ลองคิดดูเล่นๆ สิครับว่า tempdb จะรับงานหนักแค่ไหน ถ้าเป็นไปได้ก็ควรแยก tempdb ไว้คนบน physical disk ต่างหากได้จะดีมากครับ
http://yongyutde.spaces.live.com/blog/cns!A1F444837F369955!672.entry
4) สำหรับ table ขนาดใหญ่ให้ใช้ Table partition
การทำ table partition เป็นการแยก load ทาง horizontal โดยจะทำได้ตั้งแต่ sql server 2005 ขึ้นไป เป็นวิธีการกระจาย load ที่ฉลาดมากที่สุดวิธีหนึ่ง โดยสามารถกำหนดเงื่อนไขในการแบ่ง table เช่น แบ่งตามปีที่ซื้อสินค้า, แบ่งตามแผนก เป็นต้น ส่วนวิธีการสร้าง table partition จะไว้เขียนในตอนต่อๆ ไปครับ
5) สำหรับ database ขนาดใหญ่ให้ใช้วิธีการแยกไฟล์ออกเป็นหลายๆ ไฟล์โดยใช้ File Group
หลักการจะเหมือนกับการทำ partition table แต่เป็นระดับ Database แทน โดยการแยก table กระจายไปแต่ละ physical disk แต่วิธีการแยกเราจะใช้ file group ซึ่งสามารถทำได้ทุกเวอร์ชั่นของ SQL Server
6) เมื่อใช้ Data type แบบ TEXT, NTEXT, IMAGE ให้แยกเก็บต่างหากจาก Table Storage
โดยปกติแล้วการเก็บข้อมูลของ column ที่มี data type เป็น text, ntext, image นั้นจะเก็บอยู่ใน page เดียวกับ column อื่นๆ เพราะฉะนั้น เวลาใช้คำสั่ง select ก็จะทำให้ sql server ไปอ่าน column เหล่านี้ขึ้นมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็น column ที่พิเศษ ดังนันจึงควรจะทำการแยก column ที่เป็น text, ntext, image แยกออกมาต่างหาก เพื่อเพิ่ม performance โดยใช้คำสั่ง
EXEC sp_tableoption 'orders', 'text in row', 'ON'
7) พยายามใช้ constraint ที่เป้น built-in เช่น primary key, foreign key, check, default, unique แทนการเขียน trigger ขึ้นมาเอง
contraint ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว ทาง microsoft ได้ทำการทดสอบเรื่อง performance มาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว พยายามใช้ built-in เป็นหลักเพื่อให้ได้ performance ที่ดี แต่ถ้า built-in ที่มีอยู่ ไม่สามารถตอบสนองสิ่งที่เราต้องการได้จริงๆ ถืงจะเริ่มนึกถึงการเขียน trigger ขึ้นมาใช้งานเองอีกทีนึงครับ
8) แยก Index ไว้คนละ Physical Disk โดยใช้ File Group
การสร้าง index จะทำให้การ access data ทำได้เร็ว แต่ก็ควรที่จะแยก index ไว้คนละ physical disk โดยใช้ file group เหมือนกันครับ รับรองว่าไม่ผิดหวัง
9) ใช้ Disk RAID เพื่อเพิ่ม Performance
สุดท้ายจริงๆ ถ้ามีงบประมาณมากหน่อย ก็อาจจะนึกถึงการซื้อ Hardware RAID Disk ซึ่งจะได้ performance ที่ดีแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น